ดูดไขมันลดสัดส่วน: เทคนิคปรับรูปร่างเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน

สารบัญ

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นหนึ่งในเทคนิคการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถลดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับรูปร่างให้ดูกระชับและสมส่วนยิ่งขึ้น การดูดไขมันไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก แต่เป็นการขจัดไขมันส่วนเกินที่ไม่สามารถลดได้ด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนต่างๆ ของการดูดไขมัน รวมถึงวิธีเตรียมตัวและการดูแลหลังการผ่าตัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานที่สุดครับ

การดูดไขมันคืออะไร?

การดูดไขมันเป็นกระบวนการที่แพทย์ใช้เครื่องมือในการขจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายผ่านช่องเปิดเล็กๆบนผิวหนัง โดยจะทำการฉีดยาชาและใช้เครื่องมือพิเศษในการดูดไขมันที่สะสมในจุดต่างๆ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน และสะโพก ไขมันที่ถูกสลายจะถูกดูดออกจากร่างกายผ่านท่อเล็กๆ และผลลัพธ์คือรูปร่างที่มีไขมันลดลง สัดส่วนดีขึ้นครับ

การดูดไขมันเหมาะกับใคร?

การดูดไขมันเหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปร่างปกติ แต่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือต้นแขน และไม่สามารถกำจัดไขมันเหล่านี้ได้ด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย การดูดไขมันไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีภาวะโรคอ้วน เนื่องจากการดูดไขมันไม่ได้เป็นวิธีการรักษาโรคอ้วน

ข้อดีการดูดไขมัน

ข้อดีและข้อจำกัดของการดูดไขมัน

การดูดไขมันหน้าท้องแบบ Sexy Line

  • ลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยปรับรูปร่างและเพิ่มความมั่นใจ
  • สามารถทำร่วมกับการปรับแต่งส่วนอื่น เช่น การสร้าง Sexy Line

ข้อจำกัดและข้อควรระวัง

  • ไม่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก
  • ต้องดูแลตัวเองหลังทำอย่างเคร่งครัด
  • อาจเกิดอาการบวมช้ำหรือความหย่อนคล้อยของผิวได้ในกรณีที่มีการดูดไขมันปริมาณมากๆหรือมีไขมันสะสมปริมาณมาก  แนะนำให้ทำหัตถการ RF(Radio Frequency) กระชับผิวหลังดูดไขมันร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

สรุปข้อดีของ Tumescent Liposuction

  • ลดความเจ็บปวดและลดการเสียเลือด
  • ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำในทุกจุดของร่างกาย
  • เหมาะสำหรับการปรับแต่งรูปร่างให้ดูสมส่วนและกระชับ

การดูดไขมันทำได้ในบริเวณไหนบ้าง?

การดูดไขมันสามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกาย โดยแพทย์จะเลือกบริเวณที่มีการสะสมไขมันมากและลดยาก โดยบริเวณที่นิยมทำการดูดไขมัน ได้แก่:

  1. หน้าท้อง: สามารถกำจัดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
  2. ต้นขา: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขาเรียวและลดไขมันสะสมบริเวณขาด้านในและนอก ใต้ก้น
  3. ต้นแขน: ช่วยให้แขนดูเรียวและกระชับมากขึ้น
  4. สะโพกและเอว: ปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่สมดุลและกระชับ

การดูดไขมันตามจุดต่าง ๆ ด้วย Tumescent Liposuction

การดูดไขมันแบบ Tumescent Liposuction เป็นวิธีที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ลดความเจ็บปวด และช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ โดยเทคนิคนี้ใช้การฉีดสารละลายพิเศษที่ช่วยลดการสูญเสียเลือดและเพิ่มความสะดวกในการดูดไขมันแต่ละจุด ซึ่งแต่ละบริเวณในร่างกายมีลักษณะเฉพาะและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เราจะมาเจาะลึกในแต่ละจุดเพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ

การดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction)

เหมาะสำหรับใคร?

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมในบริเวณหน้าท้อง
  • มีปัญหาพุงป่องจากไขมันใต้ชั้นผิว
  • ต้องการสร้างหน้าท้องแบบ Sexy Line

วิธีการทำ

Tumescent Liposuction สำหรับหน้าท้องจะเริ่มจากการฉีดสารละลายที่มีส่วนประกอบของยาชาและอะดรีนาลีนเข้าไปในชั้นไขมัน สารละลายนี้จะทำให้บริเวณนั้นบวมขึ้นและช่วยแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้การดูดไขมันมีความแม่นยำและลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ

ข้อดี

  • ช่วยลดไขมันสะสมที่ลดยากด้วยการออกกำลังกาย
  • เพิ่มความกระชับและดูเรียบเนียนของหน้าท้อง
  • สามารถทำร่วมกับการปรับแต่ง Sexy Line เพื่อรูปร่างที่ดูดีขึ้น

จุดสำคัญของการดูดไขมันต้นขา

  • ต้นขาด้านใน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมและต้องการลดการเสียดสี
  • ต้นขาด้านนอก: หรือที่เรียกว่า “Saddlebag” บริเวณนี้ทำให้ขาดูเพรียวและสมส่วนขึ้น

วิธีการทำ

สารละลาย Tumescent จะถูกฉีดเข้าไปในจุดที่ต้องการดูดไขมัน ทำให้ไขมันที่เกาะแน่นแยกออกอย่างง่ายดาย จากนั้นใช้เครื่องมือดูดไขมันแบบ Cannula เพื่อขจัดไขมันอย่างปลอดภัย

ข้อดี

  • ลดขนาดต้นขาและช่วยให้ขาดูเรียวสวย
  • เพิ่มความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า
  • ช่วยลดปัญหาการเสียดสีระหว่างต้นขา

การดูดไขมันต้นแขน (Arm Liposuction)

เหมาะสำหรับใคร?

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นแขน
  • ต้องการต้นแขนที่กระชับและเล็กลง

วิธีการทำ

การฉีดสารละลาย Tumescent ในบริเวณต้นแขนช่วยทำให้ไขมันอ่อนตัวลง และการดูดไขมันสามารถทำได้ในชั้นผิวที่เหมาะสมเพื่อลดความหย่อนคล้อย

ข้อดี

  • ต้นแขนดูเรียวและกระชับขึ้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใส่เสื้อผ้าสายเดี่ยวหรือเสื้อแขนกุด
  • ลดปัญหาการสะสมของไขมันที่ทำให้แขนดูหนา

การดูดไขมันหลังและเอว (Back and Waist Liposuction)

จุดที่ดูดไขมันได้

  • บริเวณหลังส่วนบน: ช่วยลดไขมันที่นูนออกเมื่อใส่เสื้อชั้นใน
  • บริเวณเอว: เพื่อสร้าง “เอวคอด” หรือรูปร่างแบบ Hourglass

วิธีการทำ

Tumescent Liposuction ในบริเวณหลังและเอวช่วยลดไขมันที่สะสมเป็นชั้น ๆ และทำให้รูปร่างดูเพรียวสมส่วนมากขึ้น

ข้อดี

  • สร้างรูปร่างแบบ Hourglass
  • ช่วยให้หลังดูเรียบและสวมใส่เสื้อผ้าได้มั่นใจ
  • เพิ่มความสมส่วนของร่างกาย

การดูดไขมันบริเวณใบหน้าและคาง (Facial and Chin Liposuction)

จุดที่ดูดไขมันได้

  • สร้างรูปร่างแบบ Hourglass
  • ช่วยให้หลังดูเรียบและสวมใส่เสื้อผ้าได้มั่นใจ
  • เพิ่มความสมส่วนของร่างกาย

วิธีการทำ

Tumescent Liposuction ในบริเวณใบหน้าและคางจะใช้ Cannula ที่มีขนาดเล็กและแม่นยำ เพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกและปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน

ข้อดี

  • เพิ่มความคมชัดของกรอบหน้า
  • ลดปัญหาคางสองชั้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหน้าเรียวแบบธรรมชาติ

การดูดไขมันสะโพก (Hip Liposuction)

จุดที่เหมาะสม

  • สะโพกด้านข้าง: ลดความหนาของบริเวณนี้เพื่อเพิ่มความสมดุลของรูปร่าง
  • สะโพกด้านหลัง: ช่วยปรับสัดส่วนให้สะโพกดูกลมกลึง

ข้อดี

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ขั้นตอนที่

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ขั้นตอนที่

ควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการดูดไขมันมีดังนี้:
1. ปรึกษาแพทย์: ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสุขภาพและซักประวัติการใช้ยาหรือการแพ้ยา เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด
2. งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่มีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของแผลและการไหลเวียนของเลือด ควรงดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
3. หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมบางชนิด: ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดควรหยุดใช้ตามคำแนะนำของแพทย์
4. งดอาหารและน้ำ: ควรงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์

ขั้นตอนการดูดไขมัน

กระบวนการดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยความชำนาญและความละเอียดของศัลยแพทย์ ขั้นตอนหลักๆ ของการดูดไขมันประกอบด้วย:
1. การเตรียมพื้นที่: แพทย์จะทำการทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการดูดไขมันและฉีดยาชาเฉพาะที่
2. การดูดไขมัน: แพทย์จะใช้ท่อเล็กๆ สอดเข้าไปในชั้นไขมันและใช้เครื่องดูดเพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน
3. การปิดแผล: หลังจากดูดไขมันเสร็จสิ้น แพทย์จะเย็บแผลขนาดเล็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ในบางจุดที่เล็กมากอาจไม่เย็บเพื่อช่วยระบายของเหลวส่วนเกินเพื่อให้ฟื้นตัวไว

การดูดไขมันหน้าท้องแบบ Sexy Line

สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้ดูเด่นชัด การดูดไขมันแบบ Sexy Line เป็นทางเลือกที่ดี เทคนิคนี้เป็นการดูดไขมันในบริเวณหน้าท้องเพื่อสร้างลายเส้นของกล้ามเนื้อหน้าท้องให้ชัดเจนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเพียงเล็กน้อยและต้องการให้รูปร่างหน้าท้องดูกระชับและเป็นธรรมชาติ

การดูแล Tumescent Fluid ที่ไหลออกจากแผลหลังการดูดไขมัน

หลังจากการดูดไขมัน ของเหลวที่เรียกว่า Tumescent Fluid อาจไหลออกจากแผลเล็กๆ ที่เกิดจากการผ่าตัดได้ในช่วง 24-96 ชั่วโมงแรก Tumescent Fluid เป็นส่วนผสมของยาชาและน้ำเกลือที่แพทย์ฉีดเข้าไปในชั้นไขมันระหว่างการผ่าตัดเพื่อช่วยในการดูดไขมันได้ดียิ่งขึ้น ควรเตรียมแผ่นซับหรือผ้าอนามัยเพื่อรองรับของเหลวและเปลี่ยนผ้าพันแผลตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การดูแลตนเองหลังการดูดไขมัน

หลังการผ่าตัดดูดไขมัน การดูแลหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีและได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน คำแนะนำในการดูแลหลังการดูดไขมันมีดังนี้:

  1. ใส่ชุดกระชับทางการแพทย์ตามคำแนะนำของแพทย์: ชุดกระชับสัดส่วนจะช่วยลดอาการบวมและกระชับผิวให้เข้าที่ได้ดีหลังดูดไขมัน
    2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรง: การออกกำลังกายหนักหรือการยกของหนักควรหลีกเลี่ยงในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก
    3. รักษาความสะอาดของแผล: แผลผ่าตัดต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรเปลี่ยนผ้าพันแผลตามคำแนะนำของแพทย์
    4. ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำจะช่วยลดอาการบวมและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
    5. ปรึกษาแพทย์หากพบอาการผิดปกติ: หากมีอาการปวด บวม ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

6.เตรียมแผ่นอนามัยเพื่อใช้ดูดซับ tumescent fluid ช่วยให้ยุบบวมและเข้าที่ไวขึ้น

สรุป 4 ขั้นตอนการดูแลตนเองหลังการดูดไขมัน

1. การดูแลแผลหลังทำ

  • ทำความสะอาดแผล: ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์แนะนำและเปลี่ยนผ้าปิดแผลอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ: ควรอาบน้ำแบบหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลเปียกจนกว่าแผลจะปิดสนิท

2. การพักฟื้น

  • พักผ่อนอย่างเพียงพอในช่วง 1-2 วันแรก
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการออกแรงมาก

3. การรับประทานอาหาร

  • รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ปลา และไข่ เพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดอาการบวม

4. การเริ่มออกกำลังกาย

  • เริ่มด้วยการเดินเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก

ข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการดูดไขมัน

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงพักฟื้น

  1. หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงบริเวณที่ดูดไขมัน
  2. งดการแช่น้ำในอ่างหรือการว่ายน้ำจนกว่าแผลจะหายสนิท
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ซึ่งอาจชะลอการฟื้นตัว

การใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน: ทำไมถึงสำคัญ?

หลังการดูดไขมัน การใส่ชุดกระชับ (Compression Garment) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ชุดกระชับช่วยลดอาการบวม ช่วยให้ผิวกระชับเข้ารูป และส่งเสริมการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ประโยชน์ของการใส่ชุดกระชับ

  1. ลดอาการบวมและช่วยระบายของเหลว
    หลังการดูดไขมัน ร่างกายจะมีของเหลวสะสมในบริเวณที่ทำการรักษา การใส่ชุดกระชับช่วยกดบริเวณนั้นเพื่อลดการสะสมของของเหลวและอาการบวม
  2. ช่วยให้ผิวกระชับเข้ารูปร่าง
    ชุดกระชับช่วยให้ผิวเข้าที่และลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน
  3. ลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแผลหรือผิวไม่เรียบ
    ช่วยให้ผิวแนบสนิทกับเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้ผลลัพธ์เรียบเนียน
  4. เพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนไหว
    ชุดกระชับช่วยพยุงกล้ามเนื้อและลดความเจ็บปวด ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น

คำแนะนำในการใส่ชุดกระชับ

  • ระยะเวลา:
    ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรใส่ชุดกระชับตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นเวลาทำความสะอาดร่างกาย หลังจากนั้นอาจลดลงเหลือ 12-18 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
  • การเลือกขนาดที่เหมาะสม:
    ชุดกระชับต้องไม่แน่นหรือหลวมเกินไป เพื่อให้กระชับพอดีกับร่างกาย หากแน่นเกินไปอาจรบกวนการไหลเวียนของเลือด
  • การทำความสะอาด:
    ควรซักชุดกระชับอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ และตากให้แห้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

  1. ต้องใส่ชุดกระชับนานแค่ไหน?

ควรใส่ชุดกระชับประมาณ 4-8 สัปดาห์ และปรึกษาแพทย์ว่าควรลดชั่วโมงการใส่เมื่อใด

  1. อาการบวมจะหายเมื่อไหร่?

อาการบวมส่วนใหญ่จะลดลงใน 2-3 สัปดาห์แรก และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นภายใน 3-6 เดือน

  1. สามารถอาบน้ำได้เมื่อไหร่?

โดยปกติสามารถอาบน้ำได้หลังจาก 48 ชั่วโมง แต่ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำจนกว่าแผลจะปิดสนิท

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน

การดูดไขมันเจ็บหรือไม่?

การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการดูดไขมันอาจรู้สึกตึงหรือปวดในบริเวณที่ทำการดูดไขมันได้แต่ไม่มาก แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แพทย์จะให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการและแนะนำวิธีการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม

มีวิธีการอื่นนอกจากการดูดไขมันเพื่อกำจัดไขมันไหม?

นอกจากการดูดไขมันแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ เช่น:

  1. การฉีดสลายไขมัน (Mesotherapy):เป็นการฉีดสารเข้าสลายไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ไขมันละลายและถูกขับออกจากร่างกาย
  2. การกำจัดไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting):ใช้ความเย็นเพื่อทำลายเซลล์ไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด
  3. การออกกำลังกายและควบคุมอาหาร: วิธีพื้นฐานที่ช่วยในการลดไขมันส่วนเกินและทำให้รูปร่างกระชับมากขึ้น

ผลข้างเคียงจากการดูดไขมันมีอะไรบ้าง?

แม้การดูดไขมันจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น:

  1. การติดเชื้อ: หากไม่รักษาความสะอาดแผลผ่าตัดให้ดี อาจเกิดการติดเชื้อได้
  2. อาการบวมและรอยช้ำ: เป็นผลข้างเคียงทั่วไปหลังการดูดไขมัน ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์
  3. ผิวหนังไม่เรียบเนียน: หากมีการดูดไขมันปริมาณมาก ผิวหนังอาจดูไม่เรียบเนียนได้ แนะนำให้ใส่ชุดกระชับตามแพทย์สั่งเพื่อป้องกันปัญหานี้ และควรทำ RF กระชับผิวหลังดูดไขมันร่วมด้วยเพื่อช่วยให้ผิวกระชับเรียบเนียน

การดูดไขมันปลอดภัยไหม?

การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงหากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อความปลอดภัยครับ

ผลลัพธ์จากการดูดไขมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์จากการดูดไขมันสามารถคงอยู่ได้ยาวนานหากผู้เข้ารับการผ่าตัดรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลังจากดูดไขมันแล้ว ไขมันในบริเวณที่ถูกขจัดออกจะไม่กลับมาสะสมอีก แต่หากน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ไขมันสามารถสะสมในบริเวณอื่นของร่างกายได้ ดังนั้น ควรรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอครับ

การดูดไขมันใช้เวลานานเท่าไร?

ระยะเวลาที่ใช้ในการดูดไขมันขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำและปริมาณไขมันที่จะดูดออก โดยทั่วไป การดูดไขมันจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง แต่หากทำหลายบริเวณในครั้งเดียว อาจใช้เวลานานขึ้น แพทย์จะทำการประเมินและแจ้งให้ผู้เข้ารับบริการทราบถึงระยะเวลาโดยประมาณในการผ่าตัด

การดูดไขมันสามารถทำหลายบริเวณพร้อมกันได้หรือไม่?

ใช่ครับ การดูดไขมันสามารถทำหลายบริเวณในครั้งเดียวได้ เช่น หน้าท้องและต้นขา หรือแขนและสะโพก อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันหลายบริเวณในครั้งเดียวอาจทำให้การฟื้นตัวใช้เวลานานขึ้น แพทย์จะประเมินความเหมาะสมแต่ละเคสไปครับ

การดูดไขมันสามารถทำซ้ำได้หรือไม่?

การดูดไขมันสามารถทำซ้ำได้หากมีความจำเป็น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทำการดูดไขมันซ้ำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายฟื้นตัวจากการผ่าตัดครั้งแรกอย่างสมบูรณ์ก่อน และแพทย์จะช่วยประเมินว่าบริเวณใดที่ควรทำการดูดไขมันซ้ำเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

การดูดไขมันทำให้ผิวหย่อนคล้อยไหม?

ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิมและปริมาณไขมันที่ดูดออก การทำ RF สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้