ITEM ตัวท็อปงานบำรุงผิวเนียน ฉ่ำน้ำ GLASS SKIN
ในยุคที่การดูแลผิวเป็นเรื่องสำคัญ การมีผิวที่ดูชุ่มชื้นและสุขภาพดี หรือที่เรียกว่า “Glass Skin” กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงาม หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการดูแลผิวให้ดูฉ่ำน้ำและเปล่งประกายคือการฉีดบำรุงผิว ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลายตัวในท้องตลาด แต่ที่โดดเด่นและได้รับความนิยมอย่างมากคือ Belotero Revive, Juvederm Skinvive, Rejuran และ Exosome ในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบแต่ละผลิตภัณฑ์ พร้อมลงลึกถึงกลไกการออกฤทธิ์ของแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกใช้บริการได้อย่างมีข้อมูลมากที่สุด
Belotero Revive
คุณสมบัติของ Belotero Revive
กลไกการเก็บน้ำในผิวของ Belotero revive
Glycerol เป็นสารที่มีความสามารถในการเก็บความชุ่มชื้นสูงมาก Glycerol มีบทบาทสำคัญในการเก็บน้ำให้ผิวดังนี้:
- การเพิ่มการเก็บน้ำ (Humectant):
- Glycerol เป็น humectant ซึ่งหมายถึงสารที่สามารถดึงดูดน้ำจากสิ่งแวดล้อมและเก็บน้ำไว้ในชั้นผิว
- เมื่อ Glycerol ถูกฉีดเข้าไปในผิว มันจะดึงดูดน้ำจากบริเวณโดยรอบและเก็บน้ำไว้ในผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง
- การเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว (Skin Elasticity):
- Glycerol ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวโดยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนัง
- ความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
- การสร้างฟิล์มบางๆ (Barrier Function):
- Glycerol ช่วยสร้างฟิล์มบาง ๆ บนผิวที่ช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ
- ฟิล์มนี้ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น
ขั้นตอนการฉีด Belotero Revive
- การทำความสะอาดผิว แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะรับการรักษาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- การใช้ยาชา ทาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด
- การฉีด Juvederm Volite แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีด Juvederm Volite เข้าใต้ผิวหนัง โดยการฉีดอาจทำในหลายจุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่รักษา
- การนวดบริเวณที่ได้รับการรักษา
- แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อกระจายเจลให้ทั่วบริเวณที่ฉีด
ข้อดีของ Belotero Revive
- ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว: หลังจากการฉีด Belotero Revive ผู้ใช้จะสามารถเห็นผลลัพธ์ของผิวที่ดูฉ่ำน้ำและสุขภาพดีได้ในเวลาอันสั้น
- ความปลอดภัยสูง: เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สาร HA ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อย
- ระยะเวลาที่เห็นผล: ผลลัพธ์ของ Belotero Revive สามารถอยู่ได้นานถึง 6-9 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาด
- ปรับสภาพผิวโดยรวม: Belotero Revive ไม่เพียงช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
ข้อเสียของ Belotero Revive
- ราคาแพง: เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ทำให้ราคาของ Belotero Revive ค่อนข้างสูง
- ต้องใช้ความชำนาญในการฉีด: การฉีด Belotero Revive ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง
- ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้: ถึงแม้จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ก็อาจมีอาการบวม แดง หรือคันหลังการฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
Juvederm Skinvive
คุณสมบัติของ Juvederm Skinvive
Juvederm Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัท Allergan ซึ่งเป็นผู้นำในวงการความงามและการดูแลผิว ผลิตภัณฑ์นี้มีสาร HA ที่มีความเข้มข้นสูงและมีเทคโนโลยี Vycross ที่ช่วยให้สาร HA ถูกปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ ทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดนั้นอยู่ได้นาน
กลไกการเก็บน้ำให้ผิวของ Juvederm Skinvive ที่เกี่ยวกับ AQP3
Juvederm Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์ฉีดบำรุงผิวที่ใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) และมีการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บน้ำให้ผิว หนึ่งในกลไกสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเก็บน้ำให้ผิวคือการทำงานของโปรตีน Aquaporin-3 (AQP3) มาดูกันว่า AQP3 มีบทบาทอย่างไรในการเก็บน้ำให้ผิวและทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและสุขภาพดี
Hyaluronic Acid (HA)
Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในผิวหนัง HA มีความสามารถในการดึงดูดและเก็บน้ำได้สูงมาก ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง
เทคโนโลยี Vycross
Aquaporin-3 (AQP3)
AQP3 เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นช่องทางสำหรับน้ำและกลีเซอรอลในการผ่านเข้าออกเซลล์ผิว AQP3 มีบทบาทสำคัญในการเก็บน้ำให้ผิวดังนี้:
- การเพิ่มการซึมผ่านของน้ำ:
- AQP3 ช่วยเพิ่มการซึมผ่านของน้ำเข้าสู่เซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวสามารถเก็บน้ำได้มากขึ้น
- เมื่อ HA ใน Juvederm Volite ถูกฉีดเข้าไปในผิว จะช่วยดึงดูดและเก็บน้ำในบริเวณนั้น ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง
- การเพิ่มการซึมผ่านของกลีเซอรอล:
- AQP3 ยังช่วยเพิ่มการซึมผ่านของกลีเซอรอลเข้าสู่เซลล์ผิว กลีเซอรอลเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและสุขภาพดี
- การกระตุ้นการทำงานของ AQP3:
- HA ใน Juvederm Volite สามารถกระตุ้นการทำงานของ AQP3 ได้ ทำให้การซึมผ่านของน้ำและกลีเซอรอลเข้าสู่เซลล์ผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การกระตุ้นนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึงเป็นเวลานาน
- การปล่อยน้ำอย่างช้า ๆ (Slow Release of Water):
เทคโนโลยี Vycross ช่วยให้ HA ใน Juvederm Volite ปล่อยน้ำออกมาอย่างช้า ๆ ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้นาน ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน
ข้อดีของ Juvederm Skinvive
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: ด้วยเทคโนโลยี Vycross ทำให้ Juvederm Skinvive มีผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า HA ปกติ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน
- เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว: Juvederm Skinvive ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหน้าได้
- ความปลอดภัยสูง: เช่นเดียวกับ Belotero Revive Juvederm Skinvive มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้สาร HA ที่เป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของ Juvederm Skinvive
- ราคาแพง: เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงและมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน ทำให้ราคาของ Juvederm Skinvive ค่อนข้างสูง
- ต้องใช้ความชำนาญในการฉีด: การฉีด Juvederm Skinvive ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง
ขั้นตอนการฉีด Juvederm Skinvive
- การทำความสะอาดผิว แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะรับการรักษาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- การใช้ยาชา ทาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด
- การฉีด Juvederm Skinvive แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีด Juvederm Skinvive เข้าใต้ผิวหนัง โดยการฉีดอาจทำในหลายจุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่รักษา
- การนวดบริเวณที่ได้รับการรักษา
- แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อกระจายเจลให้ทั่วบริเวณที่ฉีด
การดูแลหลังการรักษา
- แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลผิวหลังการรักษา
- อาจมีการใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวม
Rejuran
Rejuran คืออะไร?
Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการฟื้นฟูผิว โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Polynucleotide (PN) ซึ่งสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน Polynucleotide เป็นสารที่มีความสามารถในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และการซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ทำให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี
Polynucleotide (PN) เป็นส่วนประกอบสำคัญใน Rejuran ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน สารนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และการซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลไกการออกฤทธิ์ของ Rejuran
- การกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
-
- Polynucleotide ใน Rejuran ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
- การสร้างเซลล์ผิวใหม่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในผิว ลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- การซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย
-
- Polynucleotide ช่วยซ่อมแซม DNA ที่เสียหายในเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การซ่อมแซม DNA ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
- การเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
-
- Rejuran ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเต่งตึง
- ความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ข้อดีของ Rejuran
- ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
-
- Rejuran ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และการซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ทำให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
- เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
-
- Rejuran ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเต่งตึง
- ความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ลดเลือนรอยแผลเป็นและรอยดำ
-
- Rejuran ช่วยซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ทำให้รอยแผลเป็นและรอยดำลดลง
- การสร้างเซลล์ผิวใหม่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในผิว ทำให้รอยแผลเป็นและรอยดำจางลง
- ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
-
- Rejuran ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และการซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
ผลข้างเคียงของ Rejuran
สรุปเกี่ยวกับ Rejuran
Exosome
Exosome: นวัตกรรมใหม่ในการฟื้นฟูผิวและการต่อต้านริ้วรอย
การดูแลผิวหน้าและการชะลอวัยเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญมากในปัจจุบัน เนื่องจากผิวที่ดีและดูอ่อนเยาว์มีผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ Exosome เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมและความสนใจอย่างมากในวงการความงามและการแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Exosome ประโยชน์ กลไกการออกฤทธิ์ และวิธีการใช้งาน
Exosome คืออะไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของ Exosome
- การสื่อสารระหว่างเซลล์:
- Exosome ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ โดยนำสารชีวโมเลกุลที่มีประโยชน์ไปยังเซลล์เป้าหมาย
- การส่งสัญญาณนี้ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ ทำให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี
- การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน:
- Exosome มีโปรตีนและสารชีวโมเลกุลที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง
- คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว การเพิ่มคอลลาเจนทำให้ผิวดูเต่งตึงและลดเลือนริ้วรอย
- การลดการอักเสบ:
- Exosome มีส่วนประกอบที่ช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและไม่มีรอยแดง
- การลดการอักเสบช่วยลดปัญหาผิวหลายอย่าง เช่น สิวและรอยแดง
- การซ่อมแซมเซลล์ผิว:
- Exosome ช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย
- การซ่อมแซมเซลล์ทำให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดีขึ้น
ประโยชน์ของ Exosome
- ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์:
- Exosome ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
- เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว:
- Exosome ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเต่งตึง
- ความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ลดเลือนรอยแผลเป็นและรอยดำ:
- Exosome ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ทำให้รอยแผลเป็นและรอยดำลดลง
- การสร้างเซลล์ผิวใหม่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในผิว ทำให้รอยแผลเป็นและรอยดำจางลง
- ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน:
- Exosome ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
ขั้นตอนการฉีด Exosome
การใช้ Exosome ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการฉีด Exosome ต้องใช้เทคนิคและความชำนาญในการทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
- การเตรียมผิว:
- ก่อนการฉีด Exosome ควรทำความสะอาดผิวหน้าและเตรียมผิวให้พร้อม
- การใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาชาเฉพาะบริเวณช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด
- การฉีด Exosome:
- การฉีด Exosome ควรทำในบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูผิว เช่น ใบหน้า ลำคอ หรือหลังมือ
- แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กในการฉีด Exosome เข้าไปในชั้นผิวหนัง
- การฉีดอาจใช้เวลา 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณและความต้องการของผู้รับบริการ
- การดูแลหลังการฉีด:
- หลังการฉีด Exosome ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดแรง ๆ บนบริเวณที่ฉีด
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ผลข้างเคียงของ Exosome
สรุปเกี่ยวกับ Exosome
Exosome เป็นนวัตกรรมที่ใช้ในการฟื้นฟูผิวและการต่อต้านริ้วรอย โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือโปรตีน, ไขมัน, RNA และสารชีวโมเลกุลอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ Exosome ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบ และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี การใช้ Exosome ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย