เลือกภาษา
Menu

ตามมาทำความรู้จัก “Filler”
เติมเต็มยกกระชับ ครองความสวยทุกมิติ

สารบัญ

ตัวช่วยเติมเต็มผิวเต่งตึงยกกระชับ ครอบครองทุกความสวย คงพลาดไม่ได้ไปจาก การฉีด Filler นวัตกรรมการรักษาทางด้านความงาม ที่ฉีดเข้าไปเพื่อเป็นตัวช่วยลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาทุกจุดบนใบหน้าได้อย่างมีระดับ พร้อมเสริมให้ผิวหน้าเรียบเนียน อิ่มฟู เต่งตึงขึ้น 

แต่ก่อนอื่นที่จะเข้าไปพิชิตความสวย ตามมาทำความรู้จักกันก่อนเลย filler คืออะไร? มีความเหมาะสมกับใครบ้าง? สามารถฉีดฟิลเลอร์จุดไหนได้บ้าง? รวมถึงคำถามที่ว่าการฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม? ฉะนั้นแล้วไม่ควรรอช้า รีบตามไปหาคำตอบกันเลยดีกว่า

ไขข้อสงสัย filler คืออะไร? ตามไปหาคำตอบกันเลย

filler คือเป็นสารสารเติมเต็มHyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีความคล้ายกับสารที่มีอยู่ แบบธรรมชาติภายใต้ชั้นผิว

ทางการแพทย์ได้นำมาใช้ในการเติมเต็มหรือเสริมชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยลดและแก้ไขปัญหาผิว ความบกพร่องของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอย, จุดด่างดำและร่องลึกต่างๆ ของใบหน้า ทำให้ใบหน้าที่หย่อนคล้อย ทั้งยังช่วยในการปรับรูปหน้าได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด

ให้กลับมากระชับ มีความเต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น และสามารถสลายไปเองได้ ไม่ตกค้างภายในร่างกายและมีความปลอดภัยสูง

ฉีดฟิลเลอร์ มีความเหมาะกับใครบ้าง?

  • การฉีด Filler ตอบโจทย์มากๆ สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง สดใส เสมือนวัยเด็ก 18 อีกครั้ง 
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาปรับแต่งรูปหน้า อาทิ เติม filler ริมฝีปาก และ filler ร่องแก้ม แถมยังช่วยทำให้แก้มดูตอบได้อีกด้วย 
  • ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว ต้องการแก้ไขและลดริ้วรอยร่องลึกตามบริเวณต่างๆ บนใบหน้า อาทิ หน้าผาก, รอบดวงตาและ filler ปาก เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกมุมปาก เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับรูขุมขน หรือหลุมสิวบนใบหน้า

Filler ฉีดในจุดไหนได้บ้าง? กับ 7 จุด ที่ฉีดแล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วการฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งด้วยกัน แล้วแต่ว่าใครจะมีปัญหาบริเวณไหน ฉะนั้นจึงไม่พลาดที่จะรวบรวม 7 จุดที่เหมาะแก่การฉีด Filler รับรองว่าเมื่อฉีดแล้วสามารถเห็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากที่สุด 

  1. filler ใต้ตา

สำหรับการฉีด filler ใต้ตา ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้น เพราะด้วยปัญหาที่สภาพผิวหนังหย่อนคล้อย กระดูกใต้ตายุบลง ต้องการทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ใต้ตาสดชื่นมากยิ่งขึ้น เพียงเลือกเติม filler ใต้ตา รับรองว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน 

  1. ฟิลเลอร์คาง

Filler คาง ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว V – Shape สำหรับตำแหน่งนี้หากใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องรับรองว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี เป็นธรรมชาติ เสมือนการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคางกันเลยทีเดียว

  1. filler ปาก 

filler ปาก ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนทรงปาก มีริ้วรอยบริเวณปาก ริมฝีปากบาง เติม filler ปาก เพียงแค่ 1 CC ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน 

  1. ฟิลเลอร์หน้าผาก

สำหรับการเติม Filler หน้าผาก จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่สามารถช่วยเสริมรูปหน้าให้ได้สัดส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นผลลัพธ์ทันที ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งแต่ไม่อยากผ่าตัด

  1. filler ร่องแก้ม 

ใครมีปัญหาร่องแก้มลึก ดูหน้าแก่กว่าวัย สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยการเติม filler ร่องแก้ม เห็นผลได้ตรงจุด ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดกันเลยทีเดียว 

  1. ฟิลเลอร์ขมับ

อยากปรับรูปหน้าให้ดูมีสัดส่วนมากยิ่งขึ้นหรือต้องการเสริมโหงวเฮ้ง ฟิลเลอร์ขมับสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน 

  1. ฟิลเลอร์จมูก

สำหรับใครที่มีฐานจมูกอยู่บ้างแล้ว กลัวการผ่าตัดมากๆ แถมไม่มีเวลาพักฟื้นอีกด้วย แต่อยากเสริมสันจมูกหรือปลายจมูกให้ดูคมมากยิ่งขึ้น การเติม Filler จมูกเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุด แถมได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย

ฟิลเลอร์แต่ละบริเวณใช้กี่ CC?

การฉีดเติมเต็มฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน หรือความพึงพอใจของคนไข้ ซึ่งในแต่ละบริเวณ จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันตามระดับปัญหาที่มีในแต่ละบุคคล

ไขข้อกังวลใจ ฉีด Filler อันตรายไหม?

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม? เป็นคำถามที่หลายคนกังวลใจยิ่งนัก ฉะนั้นขอตอบเลยว่า อันตรายหรือไม่อันตราย ก็ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ซึ่ง Filler ชนิดเดียวที่มีความปลอดภัยต้องผ่านการรับรอง Hyaluronic Acid จาก US FDA เนื่องจากมีสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ได้รับการการันตีว่ามีความปลอดภัย เมื่อฉีดแล้วสามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้างอย่างแน่นอน สามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแม้แต่นิดเดียว

สรุป

Filler เปรียบดังตัวช่วยเติมเต็มบนใบหน้า แก้ปัญหาทุกจุดบนใบหน้าได้อย่างหมดจด สารที่นิยมใช้ก็คือ Hyaluronic Acid ไม่ว่าจะฉีดเพื่อเข้าไปช่วยเติมเต็มร่องลึก กระชับใบหน้าให้ดูสมส่วนและมีความอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นหากใครกำลังตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือก Filler ที่ได้รับการรับรองผ่านมาตรฐาน อย. ไทย เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายตามมาภายหลัง พร้อมทั้งเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุดตามความต้องการ

ทำความรู้จักฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อที่โซลคลินิก

1. Juvederm

เป็นแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูง มีจุดเด่นในด้านความเรียบเนียน ซึ่งได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาอย่างยาวนาน  โดยได้ผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA)  Juvedermนี้จะมีส่วนผสมของยาชา ที่จะช่วยให้เวลาที่ฉีดคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ มีเทคโนโลยีในการผลิต 2 เทคโนโลยีด้วยกันคือ Hylacross Technology และ Vycross Technology

1. Hylacross Technology
มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เหมาสัหรับผิวหนังบริเวณที่มีการขยับบ่อยๆ เช่น ร่องแก้ม ปาก ขมับ ร่องน้ำหมาก ได้แก่

– Ultra Plus XC เป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อนิ่ม ฉีดแล้วฟูมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก ทำให้บริเวณที่ฉีดดูตื้นและอิ่มขึ้น

2. Vycross Technology
มีคุณสมบัติในการยกกระชับได้ดี มีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่นแต่มีอัตราการอุ้มน้ำอุ้มน้ำน้อยกว่า Hylacross Tecnology ทำให้เวลาที่ฉีดไปแล้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน รุ่นที่อยู่กลุ่ม Vycross ได้แก่รุ่น

– Volite มีลักษณะเนื้อที่ละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยบำรุงผิว มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ มีผิวที่ค่อนข้างบาง ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ

– Voluma มีลักษณะเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง ใช้ฉีดในจุดที่มีการขยับบ่อยๆได้ เช่น ปาก คาง ร่องแก้ม ใต้ตา

– Volift มีลักษณะเนื้อฟิลเลอร์ที่นิ่ม ละเอียดมากกว่ารุ่น ultra plus จะเหมาะกับคนผิวค่อนข้างบาง สามารใช้เก็บรายละเอียดร่องแก้มในบริเวณชั้นที่ตื้นได้ดี

– Volbella มีลักษณะเนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็กและละเอียดมากที่สุดเหมาะสำหรับการเติมบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน

– Volux พัฒนาใหม่ล่าสุด มีลักษณะเนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุด ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 18-24เดือน

วิธีสังเกตุฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตภัณฑ์แท้

1.มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง

2.กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 4 จุด คือ

  เลข lot ที่กล่อง

  เลข lot ที่ซอง

  เลข lot ที่สติกเกอร์

  เลข lot ที่หลอด

3.สามารถโทรเช็คเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02 640 4999 ต่อ 1

2. Restylane

เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน มีชื่อเสียงมานานกว่า 24 ปี มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด เด่นในเรื่องของความสามารถในการยกพยุงผิว ช่วยกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA)

ฟิลเลอร์ RESTYLANE มีเทคโนโลยีในการผลิต 2 เทคโนโลยีด้วยกัน

1.NASHA Technology หรือ Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid Technology
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยลดอาการแพ้ คงสภาพอยู่ในร่างกายของเราได้นานประมาณ 6-12เดือน
2.BT Technology หรือ Optimal Balance Technology
มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาเติมเต็มในแต่ละจุดที่ต้องการได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ Restylane ในแต่ละรุ่นเหมาะกับตำแหน่งไหนบ้าง ?

  Restylane Vital Light

เป็นฟิลเลอร์มีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความละเอียดลสูงมากที่สุด เหมาะสำหรับบริเวณที่จะต้องเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น บริเวณใต้ตา ปาก หรือบริเวณผิวชั้นตื้นๆ

อยู่ได้ประมาณ 6-12เดือน

  Restylane Perlane LYFT

เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งโมเลกุลขนาดใหญ่ ไม่ฟู สามารถคงรูปได้ดีที่สุด
เหมาะสำหรับฉีด จมูก คาง แก้มส้มได้อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน

   Restylane DEFYNE

เป็นรุ่นที่ช่วย แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ทำให้ผิวดูอ่อนวัย เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ฉีดเสริมโหนกแก้ม อยู่ได้นาน 18 เดือน

   Restylane VOLYME

ช่วยเติมเต็มผิวให้อิ่มและฟูขึ้นเหมาะใช้สำหรับฉีดเติมเต็มส่วนที่ลึกหรือตอบเช่นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แก้มตอบ ขมับอยู่ได้นาน 18 เดือน

  Restylane VITAL

เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลที่ค่อนข้างละเอียด เหมาะ เหมาะสำหรับใช้ฉีดบริเวณใต้ตา หน้าผาก ทำให้เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน

  Restylane classic

เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อที่ค่อนข้างแข็ง ออกแบบมาเพื่อเก็บรายละเอียดในผิวชั้นลึกเหมาะสำหรับร่องแก้ม ร่องรอยขมวดคิ้ว หรือบริเวณใต้ตาที่มีลักษณะลึกอยู่ได้นาน 12 เดือน

  Restylane KYSSE

เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความคงตัวสูง ออกแบบมาสำหรับใช้เติมเต็มริมฝีปาก โดยเฉพาะ ช่วยสร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจนให้ความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม อยู่ได้นาน 12 เดือน

  Restylane REFYNE

เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและยืดหยุ่น ใช้แก้ปัญหาในการเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ ริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากอยู่นานประมาณ 12 เดือน

วิธีสังเกตุฟิลเลอร์ Restylane ผลิตภัณฑ์แท้

  1. สังเกตุรอยปะที่ไว้สำหรับเปิดกล่อง
  2.  มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
  3. มีสติกเกอร์ โมโนแกรม คำว่า “VOID”
  4. เลข lot. ตรงกัน 2 จุดคือ เลข lot. ที่ข้างกล่องและ เลข lot. ที่หลอด
  5.  สแกน QR CODE ด้วยแอปพลิเคชัน Eztracker เพื่อตรวจสอบยาแท้
  6. สามารถสอบถามเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02 023 1800 ต่อ 402

3. Belotero

Belotero เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวิตส์เซอร์แลนด์ ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA) มีเทคโนโลยีการผลิต CPM และ HA ที่เข้มข้น และยังได้รับรางวัลความงามจากยุโรปถึง2รางวัลด้วยกันเลยทีเดียว เพื่อการันตรีความปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยในปัจจุบัน Beloteroก็เป็นฟิลเลอร์อีกแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยคุณภาพที่สูง สามารถเติมเต็มได้ทุกจุด ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าได้ดีเยี่ยม ตอบโจทย์ในทุกสภาพผิว ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ เช่นริ้วรอยเล็กๆ ร่องเล็กๆ ไปจนถึงปัญหาใหญ่ๆ เช่น ตำแหน่งที่เป็นร่องลึกๆหรือริ้วรอยใหญ่ๆ และที่สำคัญ ราคาไม่แพง

เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตฟิลเลอร์ Belotero คือ?

CPM Technology โดยจะเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมการผลิตเฉพาะของ Belotero  ซึ่งพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดในระดับความตื้นลึกของริ้วรอยที่แตกต่างกันออกไป เนื้อเจลที่ได้ก็จะมีความเรียบเนียน กลืนกับชั้นผิวหน้าได้ดี

ฟิลเลอร์ Belotero มีรุ่นไหนบ้าง แต่ละรุ่นเหมาะกับบริเวณไหน ?

  Belotero Balance

จะเป็นกล่องที่มีลักษณะสีส้ม จะเหมาะกับฉีดในบริเวณริ้วรอยที่มีระดับปานกลางไปจนถึงลึก  จะช่วยเติมเต็มให้ผิวหน้าอิ่ม ฟู มากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ฉีดเติมเต็มบริเวณ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก เป็นต้น

  Belotero Volume

จะมีลักษณะเป็นกล่องสีม่วง ตัว Belotero Volumeจะมีความยืดหยุ่นและมีความคงตัววที่ค่อนข้างสูง ฟิลเลอร์ Belotero Volumeจึงเหมาะไว้ฉีดบริเวณที่เป็นร่องลึก หรือฉีดเพื่อปรับแก้ปัญหาของรูปหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหากระดูกทรุดตัว

โดยภายในฟิลเลอร์ของตัว Belotero Volumeนี้ จะมียาชาผสมอยู่ด้วยจึงทำให้เวลาที่ฉีดเติมเต็มเข้าไปจะไม่รู้สึกเจ็บ เหมาะกับไว้ฉีดบริเวณ ใต้ตา คาง เป็นต้น

  Belotero Intense

จะมีลักษณะเป็นกล่องสีชมพู ซึ่งจะมีส่วนผสมของยาชาอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน จึงทำให้เวลาที่ฉีดฟิลเลอร์รุ่น Belotero Intenseแล้ว จะไม่รู้สึกเจ็บ เหมาะกับผู้ที่มีอายุแล้วหรือผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกมากบนใบหน้า รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ายุบตัวด้วย มีความยืดหยุ่นและความคงตัวที่สูงไม่เป็นก้อน และดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ บริเวณที่เหมาะสมที่จะฉีดฟิลเลอร์ Belotero Intenseคือบริเวณร่องแก้มที่ลึก ริมฝีปาก หรือแก้มตอบ

  Belotero Soft

จะมีลักษณะเป็นกล่องสีเหลือง เหมาะกับฉีดบริเวณที่เป็นริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก เพราะรุ่นนี้จะมีขนาดของโมเลกุลที่เล็ก เนื้อเจลมีความละเอียดสูง บริเวณที่เหมาะสมที่จะฉีด Belotero Softคือ บริเวณผิวหนังชั้นตื้นๆ เช่นร่องใต้ตา รอยตีนกา หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก

  Belotero Revive

จะมีลักษณะเป็นกล่องสีเขียว เป็นรุ่นล่าสุดที่กำลังได้รับความสนใจเหมาะกับการแก้ปัญหาหน้าโทรม ผิวแห้งกร้านขาดน้ำ ดูไม่สดใส ขาดความ ยืดหยุ่นไม่กระชับ รูขุมขนกว้าง

บริเวณที่เหมาะสมที่จะฉีด Belotero Revive คือ บริเวณผิวที่มีริ้วรอย ผิวหน้า รอบดวงตา ลำคอ ปาก มือ ผิวขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ ต้องการแต่งหน้ามาก

  Belotero Duo Lips

จะมีอยู่ 2 รุ่น Shape & Contour มีลักษณะเป็นกล่องสีแดงทั้งคู่ เป็นฟิลเลอร์ฉีดปากแบบใหม่ล่าสุด ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ สามารถทำได้หลากหลายรูปทรง ไม่ว่าจะเป็น ปากกระจับ ปากอวบอิ่ม และ ปากแบบสายฝอ

  • Shape เติมเต็มเนื้อปากให้อิ่มฟู เพิ่มวอลลุ่ม และเพิ่มความโดดเด่น
  • Contour ปรับรูปทรงริมฝีปากจัดแต่งทรงปาก เพิ่มความคมชัดให้กับขอบปาก

วิธีสังเกตุฟิลเลอร์ Restylane ผลิตภัณฑ์แท้

  1. มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
  2. กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 3 จุด คือ

    เลข lot ที่กล่อง

    เลข lot ที่สติกเกอร์

    เลข lot ที่หลอด

  3. สามารถโทรเช็คเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ โทร.02 229 9696
  4.  

4. Neuramis

เป็นฟิลเลอร์อีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ที่สำคัญราคาไม่แพง แต่ตัวฟิลเลอร์จะมีลักษณะขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ จึงทำให้มีข้อจำกัดในการที่จะนำไปฉีดในแต่ละจุดบนผิวหน้า เพราะอาจจะทำให้บริเวณที่ฉีดไปมีลักษณะแข็งเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน ดูไม่เป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ neuramis ที่เป็นที่นิยมใช้กันมากในประเทศไทย คือ

  รุ่น Deep

เป็นรุ่นที่มีเนื้อเจลค่อนข้างหนืด ขึ้นรูปได้ง่าย อิ่ม ฟู สามารถนำไปฉีดเติมบริเวณร่องลึกๆได้หลายจุดทั่วใบหน้า และเป็นรุ่นแรกที่ได้ผ่าน อย.ของไทย

วิธีสังเกตุฟิลเลอร์ Neuramis ผลิตภัณฑ์แท้

  1. สติ๊กเกอร์ QR Code จะมี สติ๊กเกอร์สีขาวระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น วันที่ผลิต, วันหมดอายุ และ เลขที่อ้างอิงครับ ซึ่งจะตรงกัใต้กล่อง
  2. ตัวยาจะถูกบรรจุอยู่ในแพ็คเกจ sterileพร้อมคู่มือในการใช้งาน
  3. ด้านหลัง มีสติ๊กเกอร์ระบุ เลข lot ต้องตรงกัน 3 จุด คือ

    เลข lot ที่กล่อง

    เลข lot ที่สติกเกอร์

    เลข lot ที่หลอด

    หมายเลข Lot

  4. เลขที่อ้างอิง และ Lot สามารถเช็คในได้โดย สแกน QR Code หรือติดต่อ โดยตรงผ่าน Lin@Medyceles โดยบริษัทที่นําเข้าคือ Medy Celes (Thailand)
  5.  

5. HYAFILIA

HYAFILIA ฟิลเลอร์เกาหลี เกรด Premium เป็นฟิลเลอร์ที่โมเลกุลเนียนละเอียด มีความนิ่มมากกว่าฟิลเลอร์เกาหลีแบรนด์อื่น สามารถใช้ฉีดบริเวณผิวบางได้ เช่น ใต้ตา ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ความบริสุทธิ์ของโมเลกุลน้อยกว่า Juvederm Restylane Belotero อยู่ในร่างกาย 10-12 เดือน ฟิลเลอร์ neuramis มีอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน  ได้แก่ S, M, V

โปรฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อที่ Seoul Clinic

เติมเต็ม เติมสวย เติมโหง่วเฮ้งดีๆ

นอกจากฟิลเลอร์จะไว้ฉีดเติมเต็มเพื่อความสวยงามและแก้ปัญหาต่างๆของใบหน้าแล้ว ในทางโหราศาสตร์ การเติมฟิลเลอร์ยังช่วยเสริมโหง่วเฮ้งดีๆให้กับเราด้วย

   โหง่วเฮ้ง คือ ศาสตร์ในการดูลักษณะของใบหน้าแขนงหนึ่งของจีน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ละตำแหน่งบนใบหน้าจะอธิบายความหมายที่ซ่อนอยู่ เช่น คิ้ว ดวงตา ปาก คาง เป็นต้น

ข้อปฏิบัติก่อน และ หลังฉีดฟิลเลอร์

ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์

1.ศึกษาหาข้อมูล เช่น เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและชำนานในการฉีดฟิลเลอร์

2.ศึกษาวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้

3.งดยา วิตามิน และอาหารเสริมที่ทานอยู่เป็นประจำ

4.หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษา

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

1.หลีกเลี่ยงการเกา นวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ประมาณ3-5วัน

2.หากมีอาการบว แดง ช้ำ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เป็นอาการปกติ โดยจะค่อยๆดีขึ้นได้ในระยะเวลา1-3วันหลังจากฉีด

3.หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า เลเซอร์หน้าอย่างน้อย 1เดือน

4.หลีกเลี่ยงการทานอาหารแสลง ที่อาจจะทำให้เกิดอาการ บวม แดง อักเสบได้ เช่น อาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ อาหารที่มีรสชาติเค็ม หรือรสจัด จนไปถึงการงดสูบบุหรี่

ฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย?

คลินิกที่ฉีดจะต้องได้มาตรฐาน ปลอดภัย และที่สำคัญ จะต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์

รีวิวจากผู้ใช้บริการ