ตามมาทำความรู้จัก “Filler”
เติมเต็มยกกระชับ ครองความสวยทุกมิติ
ตัวช่วยเติมเต็มผิวเต่งตึงยกกระชับ ครอบครองทุกความสวย คงพลาดไม่ได้ไปจาก การฉีด Filler นวัตกรรมการรักษาทางด้านความงาม ที่ฉีดเข้าไปเพื่อเป็นตัวช่วยลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาทุกจุดบนใบหน้าได้อย่างมีระดับ พร้อมเสริมให้ผิวหน้าเรียบเนียน อิ่มฟู เต่งตึงขึ้น
แต่ก่อนอื่นที่จะเข้าไปพิชิตความสวย ตามมาทำความรู้จักกันก่อนเลย filler คืออะไร? มีความเหมาะสมกับใครบ้าง? สามารถฉีดฟิลเลอร์จุดไหนได้บ้าง? รวมถึงคำถามที่ว่าการฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม? ฉะนั้นแล้วไม่ควรรอช้า รีบตามไปหาคำตอบกันเลยดีกว่า
ไขข้อสงสัย filler คืออะไร? ตามไปหาคำตอบกันเลย
filler คือเป็นสารสารเติมเต็มHyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีความคล้ายกับสารที่มีอยู่ แบบธรรมชาติภายใต้ชั้นผิว
ทางการแพทย์ได้นำมาใช้ในการเติมเต็มหรือเสริมชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยลดและแก้ไขปัญหาผิว ความบกพร่องของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอย, จุดด่างดำและร่องลึกต่างๆ ของใบหน้า ทำให้ใบหน้าที่หย่อนคล้อย ทั้งยังช่วยในการปรับรูปหน้าได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด
ให้กลับมากระชับ มีความเต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น และสามารถสลายไปเองได้ ไม่ตกค้างภายในร่างกายและมีความปลอดภัยสูง
ฉีดฟิลเลอร์ มีความเหมาะกับใครบ้าง?
- การฉีด Filler ตอบโจทย์มากๆ สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง สดใส เสมือนวัยเด็ก 18 อีกครั้ง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาปรับแต่งรูปหน้า อาทิ เติม filler ริมฝีปาก และ filler ร่องแก้ม แถมยังช่วยทำให้แก้มดูตอบได้อีกด้วย
- ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว ต้องการแก้ไขและลดริ้วรอยร่องลึกตามบริเวณต่างๆ บนใบหน้า อาทิ หน้าผาก, รอบดวงตาและ filler ปาก เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกมุมปาก เป็นต้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับรูขุมขน หรือหลุมสิวบนใบหน้า
Filler ฉีดในจุดไหนได้บ้าง? กับ 7 จุด ที่ฉีดแล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วการฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งด้วยกัน แล้วแต่ว่าใครจะมีปัญหาบริเวณไหน ฉะนั้นจึงไม่พลาดที่จะรวบรวม 7 จุดที่เหมาะแก่การฉีด Filler รับรองว่าเมื่อฉีดแล้วสามารถเห็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากที่สุด
- filler ใต้ตา
สำหรับการฉีด filler ใต้ตา ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้น เพราะด้วยปัญหาที่สภาพผิวหนังหย่อนคล้อย กระดูกใต้ตายุบลง ต้องการทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ใต้ตาสดชื่นมากยิ่งขึ้น เพียงเลือกเติม filler ใต้ตา รับรองว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
- ฟิลเลอร์คาง
Filler คาง ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว V – Shape สำหรับตำแหน่งนี้หากใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องรับรองว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี เป็นธรรมชาติ เสมือนการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคางกันเลยทีเดียว
- filler ปาก
filler ปาก ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนทรงปาก มีริ้วรอยบริเวณปาก ริมฝีปากบาง เติม filler ปาก เพียงแค่ 1 CC ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
- ฟิลเลอร์หน้าผาก
สำหรับการเติม Filler หน้าผาก จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่สามารถช่วยเสริมรูปหน้าให้ได้สัดส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นผลลัพธ์ทันที ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งแต่ไม่อยากผ่าตัด
- filler ร่องแก้ม
ใครมีปัญหาร่องแก้มลึก ดูหน้าแก่กว่าวัย สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยการเติม filler ร่องแก้ม เห็นผลได้ตรงจุด ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดกันเลยทีเดียว
- ฟิลเลอร์ขมับ
อยากปรับรูปหน้าให้ดูมีสัดส่วนมากยิ่งขึ้นหรือต้องการเสริมโหงวเฮ้ง ฟิลเลอร์ขมับสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน
- ฟิลเลอร์จมูก
สำหรับใครที่มีฐานจมูกอยู่บ้างแล้ว กลัวการผ่าตัดมากๆ แถมไม่มีเวลาพักฟื้นอีกด้วย แต่อยากเสริมสันจมูกหรือปลายจมูกให้ดูคมมากยิ่งขึ้น การเติม Filler จมูกเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุด แถมได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ฟิลเลอร์แต่ละบริเวณใช้กี่ CC?
การฉีดเติมเต็มฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน หรือความพึงพอใจของคนไข้ ซึ่งในแต่ละบริเวณ จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันตามระดับปัญหาที่มีในแต่ละบุคคล
ไขข้อกังวลใจ ฉีด Filler อันตรายไหม?
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม? เป็นคำถามที่หลายคนกังวลใจยิ่งนัก ฉะนั้นขอตอบเลยว่า อันตรายหรือไม่อันตราย ก็ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ซึ่ง Filler ชนิดเดียวที่มีความปลอดภัยต้องผ่านการรับรอง Hyaluronic Acid จาก US FDA เนื่องจากมีสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ได้รับการการันตีว่ามีความปลอดภัย เมื่อฉีดแล้วสามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้างอย่างแน่นอน สามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแม้แต่นิดเดียว
สรุป
Filler เปรียบดังตัวช่วยเติมเต็มบนใบหน้า แก้ปัญหาทุกจุดบนใบหน้าได้อย่างหมดจด สารที่นิยมใช้ก็คือ Hyaluronic Acid ไม่ว่าจะฉีดเพื่อเข้าไปช่วยเติมเต็มร่องลึก กระชับใบหน้าให้ดูสมส่วนและมีความอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นหากใครกำลังตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือก Filler ที่ได้รับการรับรองผ่านมาตรฐาน อย. ไทย เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายตามมาภายหลัง พร้อมทั้งเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุดตามความต้องการ
ทำความรู้จักฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อที่โซลคลินิก
1. Juvederm
เป็นแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูง มีจุดเด่นในด้านความเรียบเนียน ซึ่งได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาอย่างยาวนาน โดยได้ผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA) Juvedermนี้จะมีส่วนผสมของยาชา ที่จะช่วยให้เวลาที่ฉีดคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ มีเทคโนโลยีในการผลิต 2 เทคโนโลยีด้วยกันคือ Hylacross Technology และ Vycross Technology
วิธีสังเกตุฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตภัณฑ์แท้
1.มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
2.กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 4 จุด คือ
เลข lot ที่กล่อง
เลข lot ที่ซอง
เลข lot ที่สติกเกอร์
เลข lot ที่หลอด
3.สามารถโทรเช็คเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02 640 4999 ต่อ 1
2. Restylane
เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน มีชื่อเสียงมานานกว่า 24 ปี มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด เด่นในเรื่องของความสามารถในการยกพยุงผิว ช่วยกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA)
- สังเกตุรอยปะที่ไว้สำหรับเปิดกล่อง
- มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- มีสติกเกอร์ โมโนแกรม คำว่า “VOID”
- เลข lot. ตรงกัน 2 จุดคือ เลข lot. ที่ข้างกล่องและ เลข lot. ที่หลอด
- สแกน QR CODE ด้วยแอปพลิเคชัน Eztracker เพื่อตรวจสอบยาแท้
- สามารถสอบถามเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02 023 1800 ต่อ 402
3. Belotero
Belotero เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวิตส์เซอร์แลนด์ ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA) มีเทคโนโลยีการผลิต CPM และ HA ที่เข้มข้น และยังได้รับรางวัลความงามจากยุโรปถึง2รางวัลด้วยกันเลยทีเดียว เพื่อการันตรีความปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยในปัจจุบัน Beloteroก็เป็นฟิลเลอร์อีกแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยคุณภาพที่สูง สามารถเติมเต็มได้ทุกจุด ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าได้ดีเยี่ยม ตอบโจทย์ในทุกสภาพผิว ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ เช่นริ้วรอยเล็กๆ ร่องเล็กๆ ไปจนถึงปัญหาใหญ่ๆ เช่น ตำแหน่งที่เป็นร่องลึกๆหรือริ้วรอยใหญ่ๆ และที่สำคัญ ราคาไม่แพง
เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตฟิลเลอร์ Belotero คือ?
CPM Technology โดยจะเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมการผลิตเฉพาะของ Belotero ซึ่งพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดในระดับความตื้นลึกของริ้วรอยที่แตกต่างกันออกไป เนื้อเจลที่ได้ก็จะมีความเรียบเนียน กลืนกับชั้นผิวหน้าได้ดี
โดยภายในฟิลเลอร์ของตัว Belotero Volumeนี้ จะมียาชาผสมอยู่ด้วยจึงทำให้เวลาที่ฉีดเติมเต็มเข้าไปจะไม่รู้สึกเจ็บ เหมาะกับไว้ฉีดบริเวณ ใต้ตา คาง เป็นต้น
เหมาะกับผู้ที่มีอายุแล้วหรือผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกมากบนใบหน้า รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ายุบตัวด้วย มีความยืดหยุ่นและความคงตัวที่สูงไม่เป็นก้อน และดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ บริเวณที่เหมาะสมที่จะฉีดฟิลเลอร์ Belotero Intenseคือบริเวณร่องแก้มที่ลึก ริมฝีปาก หรือแก้มตอบ
บริเวณที่เหมาะสมที่จะฉีด Belotero Softคือ บริเวณผิวหนังชั้นตื้นๆ เช่นร่องใต้ตา รอยตีนกา หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก
บริเวณที่เหมาะสมที่จะฉีด Belotero Revive คือ บริเวณผิวที่มีริ้วรอย ผิวหน้า รอบดวงตา ลำคอ ปาก มือ ผิวขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ ต้องการแต่งหน้ามาก
วิธีสังเกตุฟิลเลอร์ Restylane ผลิตภัณฑ์แท้
- มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 3 จุด คือ
เลข lot ที่กล่อง
เลข lot ที่สติกเกอร์
เลข lot ที่หลอด
- สามารถโทรเช็คเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ โทร.02 229 9696
4. Neuramis
เป็นฟิลเลอร์อีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ที่สำคัญราคาไม่แพง แต่ตัวฟิลเลอร์จะมีลักษณะขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ จึงทำให้มีข้อจำกัดในการที่จะนำไปฉีดในแต่ละจุดบนผิวหน้า เพราะอาจจะทำให้บริเวณที่ฉีดไปมีลักษณะแข็งเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน ดูไม่เป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ neuramis ที่เป็นที่นิยมใช้กันมากในประเทศไทย คือ
- สติ๊กเกอร์ QR Code จะมี สติ๊กเกอร์สีขาวระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น วันที่ผลิต, วันหมดอายุ และ เลขที่อ้างอิงครับ ซึ่งจะตรงกัใต้กล่อง
- ตัวยาจะถูกบรรจุอยู่ในแพ็คเกจ sterileพร้อมคู่มือในการใช้งาน
- ด้านหลัง มีสติ๊กเกอร์ระบุ เลข lot ต้องตรงกัน 3 จุด คือ
เลข lot ที่กล่อง
เลข lot ที่สติกเกอร์
เลข lot ที่หลอด
หมายเลข Lot
- เลขที่อ้างอิง และ Lot สามารถเช็คในได้โดย สแกน QR Code หรือติดต่อ โดยตรงผ่าน Lin@Medyceles โดยบริษัทที่นําเข้าคือ Medy Celes (Thailand)
5. HYAFILIA
HYAFILIA ฟิลเลอร์เกาหลี เกรด Premium เป็นฟิลเลอร์ที่โมเลกุลเนียนละเอียด มีความนิ่มมากกว่าฟิลเลอร์เกาหลีแบรนด์อื่น สามารถใช้ฉีดบริเวณผิวบางได้ เช่น ใต้ตา ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ความบริสุทธิ์ของโมเลกุลน้อยกว่า Juvederm Restylane Belotero อยู่ในร่างกาย 10-12 เดือน ฟิลเลอร์ neuramis มีอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ S, M, V
6. Ultra V
ฟิลเลอร์เกาหลีพรีเมี่ยม ใหม่ล่าสุด “ Ultra V” ดีอย่างไร
Ultra V ฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีน้องใหม่ล่าสุด ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถมอบผลลัพธ์การเติมเต็มผิวที่มีความเรียบเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่บวม ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ที่สำคัญมีงานวิจัยรองรับมากมาย ผ่านการรับรอง FDA ทั้งในไทย ยุโรป เกาหลี และจีน
โครงสร้าง คุณสมบัติพิเศษ
ฟิลเลอร์ Ultra V Filler เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีประเภท Hyaluronic Acid ที่มาในรูปแบบของ Multi-Layered Phasic Filler ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี R Square Technology ผ่านกระบวนการผสมผสานของพันธะเคมีในสารเติมเต็มเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ Monophasic หรือการเชื่อมขวางแบบเจล เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์มีความหนืด ฉีดแล้วเรียบเนียนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และ Biphasic หรือการเชื่อมขวางแบบอนุภาคที่จะช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงรูป คงตัวสูง
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเนื้อฟิลเลอร์ Ultra V Filler ถึงฉีดแล้วเนียนสวยไปกับผิว เหมาะเติมในหลากหลายจุดฉีด และมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของยาชา ช่วยลดอาการเจ็บปวดขณะฉีด และมาพร้อมกับเข็มฉีดแบบพิเศษ ที่ช่วยลดอาการเจ็บ หรือรอยช้ำหลังฉีดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ข้อดีที่แตกต่างจากตัวอื่น
จุดเด่นของ Ultra V Filler ที่ทำให้แตกต่างจากฟิลเลอร์อื่น ๆ ในท้องตลาด คือการมีเทคโนโลยีการผลิต Multi-Layered Phasic Filler ที่ผสมผสานพันธะเคมีฟิลเลอร์ 2 ชนิดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้ได้เนื้อเจลฟิลเลอร์ที่มีความคงรูป เรียบเนียนไปกับผิว และขณะเดียวกันมีพันธะ BDDE ในปริมาณที่ต่ำสามารถช่วยลดอาการบวมหลังฉีด หรือลดโอกาสการเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ได้เป็นอย่างดี
แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ใช้ฉีดตรงไหน
Ultra V Filler ฟิลเลอร์เกาหลีนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวและมีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับแต่ละจุดฉีด ดังนี้
– Ultra V Filler รุ่น Hyal Fine รุ่นเนื้อเจลนุ่มบางเบา เหมาะสำหรับฉีดชั้น Mid-Dermis เพื่อดูแลปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และบริเวณผิวที่บาง เช่น เติมเต็มร่องลึกบริเวณใต้ตา เพิ่มความอิ่มฟูเรียบเนียนให้ริมฝีปาก ผลลัพธ์อยู่นาน 6-8 เดือน
– Ultra V Filler รุ่น Hyal Medium ฟิลเลอร์เนื้อนุ่มปานกลาง มีความคงตัวพอประมาณ สามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกให้กลับมาอิ่มฟู หรือเพิ่มปริมาตรผิวให้มีมิติมากขึ้น เหมาะสำหรับฉีดบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-16 เดือน
– Ultra V Filler รุ่น Hyal Hard ฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่สุดที่เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรเนื้อผิวและปรับรูปหน้าอย่างตรงจุด โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก กรอบหน้า ขมับ และคาง โดยคงผลลัพธ์ยาวนานมากถึง 24 เดือน
โปรฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อที่ Seoul Clinic
เติมเต็ม เติมสวย เติมโหง่วเฮ้งดีๆ
นอกจากฟิลเลอร์จะไว้ฉีดเติมเต็มเพื่อความสวยงามและแก้ปัญหาต่างๆของใบหน้าแล้ว ในทางโหราศาสตร์ การเติมฟิลเลอร์ยังช่วยเสริมโหง่วเฮ้งดีๆให้กับเราด้วย
โหง่วเฮ้ง คือ ศาสตร์ในการดูลักษณะของใบหน้าแขนงหนึ่งของจีน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ละตำแหน่งบนใบหน้าจะอธิบายความหมายที่ซ่อนอยู่ เช่น คิ้ว ดวงตา ปาก คาง เป็นต้น
ข้อปฏิบัติก่อน และ หลังฉีดฟิลเลอร์
ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์
1.ศึกษาหาข้อมูล เช่น เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและชำนานในการฉีดฟิลเลอร์
2.ศึกษาวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้
3.งดยา วิตามิน และอาหารเสริมที่ทานอยู่เป็นประจำ
4.หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษา
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
1.หลีกเลี่ยงการเกา นวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ประมาณ3-5วัน
2.หากมีอาการบว แดง ช้ำ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เป็นอาการปกติ โดยจะค่อยๆดีขึ้นได้ในระยะเวลา1-3วันหลังจากฉีด
3.หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า เลเซอร์หน้าอย่างน้อย 1เดือน
4.หลีกเลี่ยงการทานอาหารแสลง ที่อาจจะทำให้เกิดอาการ บวม แดง อักเสบได้ เช่น อาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ อาหารที่มีรสชาติเค็ม หรือรสจัด จนไปถึงการงดสูบบุหรี่
ฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย?
คลินิกที่ฉีดจะต้องได้มาตรฐาน ปลอดภัย และที่สำคัญ จะต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์