- มีโรคประจำตัวหรือไม่ หากเรารู้ตัวว่ามีโรคประจำตัวหรือโรคที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ โรคเอดส์ โรคเบาหวาน หรือโรคต่างๆ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นไปได้หลังการผ่าตัด เช่น แผลติดเชื้อมากกว่าคนปกติ
ทีมแพทย์ SEOUL CLINIC THAILAND
นำโดย “อาจารย์หมอก๊อต”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า
และศัลยกรรมความงาม
แก้จมูก เทคนิค OPEN NOSE RECONSTRUCTION
เสริมจมูกมีกี่แบบ เราควรทำแบบไหนดีที่สุด
ในการเสริมจมูกทั้ง 3 วิธีนั้น
- การผ่าตัดเสริมจมูกในปัจจุบันวิธีที่นิยมมากที่สุดคือ การเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty) ซึ่งเป็นวิธีการเสริมจมูกโดยยังคงใช้ซิลิโคนแท่งเพื่อเสริมทั้งสันจมูกและปลายจมูกโดยเทคนิคในการเปิดแผลนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละวิธี
การเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิด OPEN NOSE RHINOPLASTY
โดยการเสริมจมูกแบบเปิด OPEN NOSE RHINOPLASTY จะประกอบไปด้วยขั้นตอนและเทคนิคขั้นสูงมากกว่าการเสริมแบบใช้ซิลิโคนทั่วไป ได้แก่
- การยืดผนังกั้นจมูกให้ทรงจมูกโด่งพุ่งโดยไม่ต้องใช้ซิลิโคน
- การตอกฐานจมูกทั้ง 2 ข้างเพื่อให้จมูกดูเรียวเล็กในมุมหน้าตรง
- การเข้าไปแก้ไขโครงสร้างภายในใหม่ จัดเรียงกระดูกอ่อนใหม่ที่อาจเสียรูปไปหลังการแก้จมูกแบบทั่วไปมาแล้วหลายครั้ง
- การรองปลายจมูกให้ละมุนด้วยกระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อไขมันหลังหูและเนื้อเยื่อพิเศษ TIP BALL
การแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเสริมจมูกให้ออกมาโด่งสวย เรียวเล็กได้รูป ภายใต้ข้อจำกัดของโครงสร้างจมูกที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
เมื่อไหร่ที่เราควรเสริมจมูกแบบ OPEN NOSE RECONSTRUCTION
- จมูกมีโครงสร้างที่ใหญ่จมูกหมูหรือจมูกสิงโต
- จมูกมีเนื้อน้อยมากจมูกแบนมากแต่ต้องการให้โด่งพุ่งทั้งนี้อาจเคยเสริมแบบซิลิโคนแท่งมาแล้วพบว่าเสี่ยงทะลุเนื่องจากมีเนื้อไม่มากพอ จึงควรแก้ไขด้วยการยืดผนังกั้นจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคนมาฝืนเนื้อ
- ต้องการยืดความยาวของจมูกให้ดูยาวขึ้นในเคสจมูกเหิน/เห็นรูจมูกชัดเจน
- ต้องการแก้ไขโครงสร้างจมูกให้ดูเรียวเล็กขึ้นและโด่งพุ่งขึ้น
- ต้องการแก้ไขความผิดปกติของรูจมูก
- เคสที่แก้จมูกมาแล้วหลายหลายครั้งจนมีพังผืดจำนวนมากทำให้การแก้ไขจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty)ไม่พบความเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร
- จมูกโครงสร้างผิดรูปที่ต้องการการแก้ไขที่ซับสอน
- เนื้อจมูกมีความแข็งตึงมากทำให้ใส่ซิลิโคนได้จำกัด
- ต้องการจมูกโด่งพุ่งเรียวเล็ก ต้องการให้หน้าเปลี่ยนชัดเจนโดยที่ไม่เสียงทะลุ
ข้อควรรู้อื่นๆก่อนการทำจมูก
- ห้ามแคะ เกา บีบ และทำให้แผลโดนน้ำ สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำในการผ่าตัดศัลยกรรม คือการเลี่ยงจากการโดนน้ำของแผล จึงแนะนำให้ล้างหน้าด้วยการใช้ผ้าเช็ดบริเวณจมูกให้สะอาดตลอด 2 สัปดาห์แรกหลังทำศัลยกรรม
- งดออกกำลังกายในประเภทที่เสี่ยงต่อการปะทะทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการเจอพื้นที่ที่มีฝุ่นและควันเยอะ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดการแพ้อากาศ รวมถึงอาการไอ จาม และสั่งน้ำมูก ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวก่อนและหลังการผ่าตัดไม่ให้เป็นหวัดหรือมีน้ำมูก หากมีอาการควรรีบรับประทานยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูกทันที
- ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ (ใบบัวบก) ต่อเนื่องหลักจากผ่าตัด
- งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับใบหน้า หลังผ่าตัดทุกชนิด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
1. งดสูบบุหรี่ ,งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
2. งดยาแก้ปวด ลดกล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการบรรเทาอาการปวดเท่านั้น
3. ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ ทุกชนิด เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้ อาจส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้า
4. งดของแสลงจำพวกของหมัก ของดอง น้ำอัดลม รวมถึงอาหารทะเล
5. ในกรณีที่ต้องวางยานอนหลับขณะผ่าตัด คนไข้ต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 8 ชม. และควรสระผมให้สะอาด งดทาครีมโลชั่นหรือทาเล็บในวันผ่าตัด