เลือกภาษา
Menu

“เพราะความสวย....ไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงเกาหลี”

แก้จมูก เทคนิค OPEN NOSE RECONSTRUCTION

เสริมจมูกมีกี่แบบ เราควรทำแบบไหนดีที่สุด

อันดับแรกจะกล่าวถึงการเสริมจมูกที่ SEOUL CLINIC THAILAND ทั้ง 3 วิธี

CLOSE

SEMI-OPEN

OPEN

ในการเสริมจมูกทั้ง 3 วิธีนั้น
  • การผ่าตัดเสริมจมูกในปัจจุบันวิธีที่นิยมมากที่สุดคือ การเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty) ซึ่งเป็นวิธีการเสริมจมูกโดยยังคงใช้ซิลิโคนแท่งเพื่อเสริมทั้งสันจมูกและปลายจมูกโดยเทคนิคในการเปิดแผลนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละวิธี

การเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty)

เป็นเทคนิคการเสริมจมูกที่นิยมที่สุดในปัจจุบันมีการใช้ซิลิโคนแท่งในการเสริมบริเวณสันและปลายจมูกมีการต่อเติมบริเวณปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนไขมันหลังใบหูซึ่งช่วยให้ซิลิโคนไม่ต้องสัมผัสกับเนื้อจมูกโดยตรง นอกจากจะช่วยให้ปลายพุ่งขึ้นได้และยังช่วยป้องกันการทะลุอีกด้วย โดยที่ SEOUL CLINIC THAILAND จะใช้การรองปลายเพิ่มความละมุนด้วยเทคนิค TRIPLE TIP คือ การรองปลายจมูกถึง 3 ชั้นได้แก่ กระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อไขมันหลังหูและเนื้อเยื่อ TIP BALL พิเศษเพื่อเพิ่มความโด่ง ละมุนในระยะยาว

ทั้งนี้การเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty) ในบางครั้งไม่สามารถแก้ไขปัญหาจมูกในหลายหลายรูปแบบได้เนื่องจากเป็นเพียงการเสริมซิลิโคนเข้าไปโดยไม่ได้มีการแก้ไขโครงสร้างภายใน ไม่ได้มีการยืดผนังกั้นจมูก ดังนั้นทรงจมูกจึงขึ้นกับรูปร่างของซิลิโคนเป็นสำคัญ ซึ่งปัจจัยอื่นๆ เช่น ชั้นผิวหนัง ฐานจมูกเดิม เนื้อจมูกมีมากพอและยืดหยุ่น จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูกของเราโดยไม่เกิดการทะลุและเห็นผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ในกรณีที่จมูกของเรามีข้อจำกัด หรือมีความไม่พอดี หรือผิดรูป เช่น จมูกเดิมที่เนื้อน้อยมากๆและต้องการได้จมูกโด่งพุ่ง จมูกเหิน จมูกใหญ่จมูกสิงโต หรือจมูกที่แก้มาหลายหลายครั้งจนเกิดพังผืดจำนวนมากซึ่งเป็นอุปสรรคในการแก้จมูกให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในบางครั้งเราจึงมักได้ยินหลายคนพูดว่า “เคยแก้จมูกจากที่อื่นมาหลายครั้งแล้ว แต่แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย” นั่นเป็นเพราะพังผืดที่ก่อตัวขึ้นเป็นตัวรั้งทรงจมูกไว้ การแก้จมูกแบบ OPEN จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในจุดนี้

การเสริมจมูกแบบเปิด OPEN NOSE RHINOPLASTY

เป็นเทคนิคขั้นสูงในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างต่างของจมูกเดิมที่ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยการเสริมจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty) เนื่องจากไม่ได้มีการเข้าไปแก้ไขโครงสร้างภายใน

null

โดยการเสริมจมูกแบบเปิด OPEN NOSE RHINOPLASTY จะประกอบไปด้วยขั้นตอนและเทคนิคขั้นสูงมากกว่าการเสริมแบบใช้ซิลิโคนทั่วไป ได้แก่

  • การยืดผนังกั้นจมูกให้ทรงจมูกโด่งพุ่งโดยไม่ต้องใช้ซิลิโคน
  • การตอกฐานจมูกทั้ง 2 ข้างเพื่อให้จมูกดูเรียวเล็กในมุมหน้าตรง
  • การเข้าไปแก้ไขโครงสร้างภายในใหม่ จัดเรียงกระดูกอ่อนใหม่ที่อาจเสียรูปไปหลังการแก้จมูกแบบทั่วไปมาแล้วหลายครั้ง
  • การรองปลายจมูกให้ละมุนด้วยกระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อไขมันหลังหูและเนื้อเยื่อพิเศษ TIP BALL

การแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเสริมจมูกให้ออกมาโด่งสวย เรียวเล็กได้รูป ภายใต้ข้อจำกัดของโครงสร้างจมูกที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

เมื่อไหร่ที่เราควรเสริมจมูกแบบ OPEN NOSE RECONSTRUCTION

  • จมูกมีโครงสร้างที่ใหญ่จมูกหมูหรือจมูกสิงโต
  • จมูกมีเนื้อน้อยมากจมูกแบนมากแต่ต้องการให้โด่งพุ่งทั้งนี้อาจเคยเสริมแบบซิลิโคนแท่งมาแล้วพบว่าเสี่ยงทะลุเนื่องจากมีเนื้อไม่มากพอ จึงควรแก้ไขด้วยการยืดผนังกั้นจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคนมาฝืนเนื้อ
  • ต้องการยืดความยาวของจมูกให้ดูยาวขึ้นในเคสจมูกเหิน/เห็นรูจมูกชัดเจน
  • ต้องการแก้ไขโครงสร้างจมูกให้ดูเรียวเล็กขึ้นและโด่งพุ่งขึ้น
  • ต้องการแก้ไขความผิดปกติของรูจมูก
  • เคสที่แก้จมูกมาแล้วหลายหลายครั้งจนมีพังผืดจำนวนมากทำให้การแก้ไขจมูกแบบปิด(Close Rhinoplasty)และการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด(Semi-Open Rhinoplasty)ไม่พบความเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร
  • จมูกโครงสร้างผิดรูปที่ต้องการการแก้ไขที่ซับสอน
  • เนื้อจมูกมีความแข็งตึงมากทำให้ใส่ซิลิโคนได้จำกัด
  • ต้องการจมูกโด่งพุ่งเรียวเล็ก ต้องการให้หน้าเปลี่ยนชัดเจนโดยที่ไม่เสียงทะลุ

ข้อควรรู้อื่นๆก่อนการทำจมูก

  • มีโรคประจำตัวหรือไม่ หากเรารู้ตัวว่ามีโรคประจำตัวหรือโรคที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ โรคเอดส์ โรคเบาหวาน หรือโรคต่างๆ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นไปได้หลังการผ่าตัด เช่น แผลติดเชื้อมากกว่าคนปกติ
  • ห้ามแคะ เกา บีบ และทำให้แผลโดนน้ำ สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำในการผ่าตัดศัลยกรรม คือการเลี่ยงจากการโดนน้ำของแผล จึงแนะนำให้ล้างหน้าด้วยการใช้ผ้าเช็ดบริเวณจมูกให้สะอาดตลอด 2 สัปดาห์แรกหลังทำศัลยกรรม
  • งดออกกำลังกายในประเภทที่เสี่ยงต่อการปะทะทุกชนิด
  • หลีกเลี่ยงการเจอพื้นที่ที่มีฝุ่นและควันเยอะ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดการแพ้อากาศ รวมถึงอาการไอ จาม และสั่งน้ำมูก ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวก่อนและหลังการผ่าตัดไม่ให้เป็นหวัดหรือมีน้ำมูก หากมีอาการควรรีบรับประทานยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูกทันที
  • ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ (ใบบัวบก) ต่อเนื่องหลักจากผ่าตัด
  • งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับใบหน้า หลังผ่าตัดทุกชนิด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

1. งดสูบบุหรี่ ,งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์

2. งดยาแก้ปวด ลดกล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการบรรเทาอาการปวดเท่านั้น

3. ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ ทุกชนิด เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้ อาจส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้า

4. งดของแสลงจำพวกของหมัก ของดอง น้ำอัดลม รวมถึงอาหารทะเล

5. ในกรณีที่ต้องวางยานอนหลับขณะผ่าตัด คนไข้ต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 8 ชม. และควรสระผมให้สะอาด งดทาครีมโลชั่นหรือทาเล็บในวันผ่าตัด

รีวิวจากผู้ใช้