ในปัจจุบัน การดูแลผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดกลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ Ulthera SPT และ Sculptra เป็นสองเทคนิคที่ใช้เพื่อฟื้นฟูผิวและคืนความอ่อนเยาว์ แต่มีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองแบบเหมาะกับปัญหาอะไร และควรเลือกทำตัวไหน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่าง พร้อมคำแนะนำในการตัดสินใจเลือกใช้ และจบด้วยเหตุผลว่าทำไมทั้งสองจึงสามารถทำควบคู่กันได้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เปรียบเทียบ Ulthera SPT SPT และ Sculptra: แตกต่างอย่างไร และควรเลือกทำตัวไหนดี?
สารบัญ
Ulthera SPT และ Sculptra คืออะไร?
Ulthera SPT คืออะไร?

Ulthera SPT เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ใช้พลังงาน Micro-Focused Ultrasound โดยพลังงานจะถูกส่งลงไปถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ทำการยกกระชับผิว ผลที่ได้คือการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก ทำให้ผิวตึงกระชับและดูยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
จุดเด่นของ Ulthera SPT
ใครเหมาะกับ Ulthera SPT?
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางถึงมาก
- ผู้ที่ต้องการการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
Sculptra คืออะไร?

Sculptra ไม่ใช่ฟิลเลอร์หรือการเติมวอลลุ่มแบบที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็น Collagen Biostimulator หรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้น Dermis ที่ลึกลงไป โดยมีส่วนผสมของ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งช่วยให้ผิวแน่นขึ้น เด้งขึ้น และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
Sculptra ทำหน้าที่ปรับโครงสร้างผิวใหม่จากภายใน กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดูแน่นและกระชับมากขึ้น
จุดเด่นของ Sculptra
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
- ฟื้นฟูผิวให้แน่น เด้ง กระชับ และสุขภาพดีขึ้น
- ผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำ 1-3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 2 ปี
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนการเติมฟิลเลอร์
ใครเหมาะกับ Sculptra?
- ผู้ที่มีผิวบาง หย่อนคล้อย และต้องการให้ผิวแน่นขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพผิวในระยะยาว
- ผู้ที่ต้องการให้หน้าเรียว ผิวเด้ง
เปรียบเทียบ Ulthera SPT และ Sculptra ในหัวข้อต่างๆ

เทคโนโลยีของ Ulthera SPT และ Sculptra
- Ulthera SPT: ใช้พลังงาน Micro-Focused Ultrasound กระตุ้นคอลลาเจนในชั้น SMAS เพื่อยกกระชับผิว
- Sculptra: ใช้สาร Poly-L-Lactic Acid กระตุ้นคอลลาเจนในชั้น Dermis เพื่อฟื้นฟูความแน่นของผิว
สรุป
- Ulthera SPT แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและปรับกรอบหน้า
- Sculptra เน้นฟื้นฟูสุขภาพผิวให้แน่นและดูเด้งขึ้น
ผลลัพธ์และระยะเวลา
- Ulthera SPT: ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Sculptra: ผลลัพธ์เริ่มชัดเจนใน 1-3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 2 ปี
บริเวณที่เหมาะสมสำหรับการรักษา
- Ulthera SPT: ยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า คิ้ว และลำคอ
- Sculptra: กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่นขึ้นทั่วใบหน้า
สรุป
- Ulthera SPT เด่นเรื่องยกกระชับเป็นหลัก
- Sculptra เด่นเรื่องปรับสภาพผิวให้แน่น ผิวฟูเด้งและกระชับ
ความรู้สึกขณะทำ
- Ulthera SPT: อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำ แต่สามารถใช้ยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดได้
- Sculptra: การฉีดจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยในช่วงที่เข็มเข้าสู่ผิว
ราคาและความคุ้มค่า
- Ulthera SPT: ราคาต่อครั้งค่อนข้างสูง แต่ให้ผลลัพธ์ดี ชัดเจน
- Sculptra: ราคาต่อครั้งค่อนข้างสูงแต่ถูกกว่า Ulthera ให้ผลลัพธ์ชัดเจนเช่นกัน
ทำไม Ulthera SPT และ Sculptra ควรทำคู่กัน?
การเสริมฤทธิ์ของ Ulthera SPT และ Sculptra

การทำ Ulthera SPT และ Sculptra ควบคู่กันสามารถเสริมประสิทธิภาพของกันและกันได้อย่างลงตัว
- Ulthera SPT ช่วยยกกระชับในระดับลึกในชั้น SMAS ผิวหน้ายกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้า ปรับกรอบหน้าให้ชัด
- Sculptra ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวในชั้น Dermis ให้แน่น เด้ง และกระชับขึ้น
เมื่อทำทั้งสองอย่างร่วมกัน คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนทั้งการยกกระชับและฟื้นฟูสุขภาพผิว
เหตุผลที่ควรทำคู่กัน
- ให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม ทั้งผิวที่ยกกระชับและผิวที่แน่นขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคโดยรวม ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี
- ช่วยเสริมฤทธิ์กันโดยออกฤทธิ์ยกกระชับทั้งในชั้น SMAS และชั้น Dermis ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานยิ่งขึ้น
สรุป
ทั้ง Ulthera SPT และ Sculptra มีจุดเด่นเฉพาะตัว และเหมาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวในมิติที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย Ulthera SPT คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการฟื้นฟูความแน่นและความเด้งของผิว Sculptra คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม การทำ Ulthera SPT และ Sculptra ควบคู่กันจะช่วยเสริมประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยการยกกระชับและฟื้นฟูสุขภาพผิวในเวลาเดียวกัน
**สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณได้ฟรี!